วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

รองศาสตราจารย์ ดร.ทิศนา แขมมณี "7 คำถามสำคัญ เพื่อพัฒนากระบวนการคิดตามหลัก ปศพพ. "

ผมเสนอว่า "7 คำถาม" ต่อไปนี้คุณครูสามารถนำไปถามนักเรียน เพื่อทดสอบ "วิถีพอเพียง" ที่เป็นผลจากวิธีที่ท่านขับเคลื่อนได้เลยครับ หากการตอบคำถามของเขามีลักษณะ 3 ประการต่อไปนี้ แสดงว่ามาดีถูกทาง....
  • ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้จำสิ่งที่ท่องมาบอก....ฟังไม่ยากครับ ฟังว่าความเร็วของเสียง น้ำเสียง เหมือนกับที่พวกเราคุยกับเพื่อนๆ แบบสุภาพๆ นั่นเลยครับ....
  • ตอบ "เหตุ" และ "ผล" อย่างเป็นเหตุเป็นผล
  • ตอบอย่างมีความสุข สนุกที่ได้นำเสนอและตอบคำถามของท่าน.... สังเกตจากสีหน้า แววตา ความมั่นใจ ความกล้า...
"7 คำถามสำคัญ เพื่อพัฒนากระบวนการคิดตามหลัก ปศพพ." มีดังนี้ครับ
  1. จะทำอะไร? / ทำทำไม?
  2. มีความรู้เพียงพอในเรื่องที่จะทำหรือไม่? / ต้องศึกษาหาความรู้อะไรเพิ่มเติมบ้าง?
  3. มีความพร้อมหรือไม่? / มีความเป็นไปได้ที่จะทำหรือไม่? 
  4. ทำอย่างไรจึงจะพอดี พอประมาณ? /  ทำอย่างไรจะสามารถรองรับปัญหาหรือการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้?
  5. ลงมือทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ?
  6. อะไรที่ทำได้ดี? / อะไรที่ยังทำไม่ได้ดี จะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร?
  7. เกิดการเรียนรู้อะไรขึ้นบ้างจากการคิด/ทำตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
 จากศึกษาเอกสารของท่าน ผมได้เรียนรู้เพิ่มเติมในแต่ละประเด็นคำถามของท่าน...ต่อไปนี้ครับ
  1. ทำอะไร?  / ทำทำไม?....ถามให้เห็นความสำคัญ เห็นประโยชน์ คุ้มค่า มีคุณค่า 
  2. มีความรู้เรื่องนั้นหรือไม่? ....ถามให้รู้รอบ (รู้กว้าง รู้ละเอียด รู้ลึก)
  3. มีความพร้อมหรือไม่? ...ถามให้สำรวจตนเอง รู้ตนเอง รู้รอบเกี่ยวกับตนเอง
    - สำรวจแบบ 5M (man, money, materials, management, market) หรือ
    - สำรวจแบบ 4มิติ (สังคม, วัฒนธรรม, เศรษฐกิจ/วัตถุ, สิ่งแวดล้อม) หรือ
    - สำรวจแบบ 3ดู (ดูตน, ดูคน, ดูชุมชนสังคมบริบท)
  4. ทำอย่างไรให้พอดี?  .... มีคุณธรรมไหม  เบียดเบียนตน คนอื่นหรือไม่  ส่งผลกระทบต่อชุมชนหรือสังคมหรือไม่...
  5. ลงมือทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ .... คุณธรรมอะไร ความรู้อะไร ที่ต้องมีต้องใช้จึงจะทำให้สำเร็จ..
  6. อะไรที่ทำได้ดี? ...ประทับใจในผลอะไรที่เกิดขึ้น.. กระบวนการ/วิธีการที่ทำ บุคคลที่เกี่ยวข้อง
  7. ได้เรียนรู้อะไร? ...ให้พิจารณาจากความรู้ที่ได้เพิ่มเติม วิธีคิดแบบใดที่เปลี่ยน เจตคติที่เปลี่ยน ตนเองดีขึ้นอย่างไร ชีวิตดีขึ้นหรือไม่ ...
ผมเสนอว่า เราฝึกปฏิบัติตนเองก่อน... แล้วค่อยย้อนถามจากประสบการณ์ของตน..น่าจะเป็นผลดีที่สุดทั้งต่อคนถามและคนตอบ..... หรือท่านชอบแบบไหนครับ...

สำหรับผมแล้วสิ่งที่ควรถามคือ "ความพยายามอะไรที่ต้องใช้ในการทำสิ่งนั้นบ้าง? และ ทางสายกลางของสิ่งนั้นคืออะไร? ... ถ้าตอบได้แสดงว่าทำสำเร็จด้วยตนเอง.....

รองศาสตราจารย์ ดร.ทิศนา แขมมณี " แนวทางการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในสถานศึกษา"

ในเอกสารประกอบการบรรยายของ รองศาสตราจารย์ ดร.ทิศนา แขมมณี เรื่อง "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการนำไปใช้ในสถานศึกษา"....ผมถอดความตอนแรกไว้ที่นี่ครับ บันทึกนี้ จับประเด็นจากการอ่านวิธีการ "นำหลัก ปศศพ. สู่สถานศึกษา" ท่านว่า สามารถทำได้ 3 วิธี ดังรูปครับ



ความจริง... ไม่จำเป็นอธิบายภาพเลยครับ โดยเฉพาะสำหรับผู้อ่านที่เป็นครูแกนนำขับเคลื่อนฯ  ท่านดูปุ๊ป คงจะเข้าใจปั๊บทันที .... แต่วิธีที่ดีและแนำนำคือ ลงนำภาพนี้ไปให้นักเรียนแกนนำลอง "ตีความ" อภิปรายว่า ภาพนี้บอกอะไรพวกเขาบ้าง และถ้าจะดีมากกว่านี้คือ ให้พวกเขาช่วยกันระดมสมองโดยใช้ Mind Mapping โดนใช้ ห่วงสามห่วงนี้เป็นศูนย์กลาง "Mind"

อย่างไรก็ตาม ผมเองก็อยากตีความบ้างเช่นกันครับ ....สั้นๆ
  • นำไปใช้ 2 แบบในโรงเรียน คือ ใช้กับการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน และใช้กับกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ 
  • นำไปใช้อีก 1 แบบที่โรงเรียนเป็นหนึ่งในสถานที่ๆ ในนั้น ก็คือใช้กับการดำเนินชีวิตและชีวิตประจำวัน
อย่าลืมนะครับ สำหรับครูแกนนำ... นำภาพนี้ไปให้นักเรียนตีความ (เขาจะได้ฝึกคิด) และลองให้พวกเราลองทำ Mind Mapping ถอดบทเรียนสิ่งที่พวกเขาเข้าใจและกำลังทำอยู่ ... เราจะรู้ทันทีว่า พอดีหรือยัง ....

รองศาสตราจารย์ ดร.ทิศนา แขมมณี "กระบวนการคิดและการปฏิบัติงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"

วันที่ 20 กันยายน 2556 ผมมีโอกาสได้ร่วมตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านห้วยหว้า ร่วมกับอาจารย์ศศินี ลิ้มพงษ์ และอาจารย์สุจินดา งามวุฒิพร จากมูลนิธิยามกัมมาจล ตอนท้ายของการประชุมสรุป อาจารย์ศศินีย์ ได้นำสไลด์ 7 คำถาม ของรองศาสตราจารย์ ดร.ทิศนา แขมมณี ไปมอบให้ ผอ.ใบบุญ ที่ท่านตอบว่า ไม่เคยได้รับ ... ผมสะท้อนเพิ่มเติมว่า เราไม่ควรยึดติดกับ 7 คำถาม หรือจะกี่คำถาม ตามที่ใครๆ จะคิดให้ แต่หัวใจน่าจอยู่ที่เราลงมือทำและตกผลึกเอาเอง...

...แต่เมื่อผ่านวันนั้นมา ผมรู้สึกติดใจว่า ตนเองจะมั่นใจและก้าวล่วงครูบาร์อาจารย์ไป แบบไม่ตั้งตั้งใจเสียแล้ว... เมื่อสำนึกดังนี้แล้ว...สิ่งที่ผมทำคือ กลับไปนำเอกสารประกอบการบรรยายของ รองศาสตราจารย์ ดร.ทิศนา แขมมณี เมื่อครั้งที่ท่านปรับปรุงเมื่อเดือนมกราคม 2555 กลับมาอ่านและศึกษาซื้ออีกครั้ง (ผมได้รับเอกสารนี้จากท่านอาจารย์ศศินี ที่โรงเรียนบ้านร้านตัดผม จ. ชุมพร)...

เพื่อเป็นการเตือนตนเองให้ระวังในการคิด พูด ทำ และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ยังไม่เคยได้ฟังการบรรยายของท่าน ผมจึงขอนำมาถอดความไว้ที่นี่ ดังนี้ครับ



ความจริง.. ไม่ควรอธิบาย หากครูพิมพ์ภาพนี้แล้วนำไปให้เด็กๆ (มัธยมต้นขึ้นไป) ช่วยกันตีความ แล้วช่วยกันตั้งคำถามเพื่อนำสู่ความสำเร็จ... ไม่แน่ว่าเด็กๆ จะได้ 7 คำถามของ ท่านทิศนา ก็เป็นได้ครับ...

แต่สรุปสั้นๆ เพื่อแป่งปันหลักการคิดของท่าน ได้ดังนี้ครับ
  • ผู้ที่มีอุปนิสัยพอเพียง เวลาจะทำอะไรจะคิดตามขั้นตอนตามภาพนี้ ต่างไปก็ไม่มากแน่ครับ 
  • คือ 
    • รู้รอบเรื่องที่จะทำ 
    • นำสิ่งที่รู้มาคิดด้วยหลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
    • ตัดสินใจว่าเป็นไปได้หรือไม่ ทำอย่างไรจะพอดี
    • ลงมือทำด้วยสติ เพียร อดทน ระมัดระวัง และรอบคอบ 
  • พอประมาณก็คือเหมาะสมกับตน กับคน กับชุมชนสังคมบริบท
  • เหมาะสมด้วยเหตุและผลอย่างเป็นเหตุเป็นผล 
  • คุณธรรมคือสิ่งที่จะทำให้สำเร็จ
ก่อนจบแนะนำแบบเน้นย้ำว่า  ลองนำรูปแผนผังด้านบนไปให้นักเรียนแกนนำตีความร่วมกันว่า "จะถามอย่างไรให้น้องๆ หรือเพื่อนๆ คิดทำได้ตามแผนผังนี้"

... น่าจะเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งในการขับเคลื่อนฯ 

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

"ครูฝึกกก" จะค่อยๆ ถอย... คอยวันที่เขาจะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

จากการ "ตะลุย" ไปตามพื้นที่ ตามโรงเรียนต่างๆ ที่ผ่านมา พบว่า ปัญหาสำคัญของการพัฒนาการเรียนรู้แบบไทย คือ เราไม่ให้โอกาสนักเรียนได้ฝึกคิดเอง ตั้งปัญหาเอง ทำเอง แก้ปัญหาเอง นำเสนอเอง มากนัก
อาจารย์ศศีน ลิ้มพงษ์ และอาจารย์สุจินดา งามวุฒิพร ผู้ทรงคุณวุฒิจากมูลนิธิสยามกัมมาจล ได้ไห้ข้อความเห็นไว้ในการร่วมกันตรวจเยี่ยมโรงเรียนในโครงการขับเคลื่อน ปศพพ. พื้นที่อีสานตอนบน เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ ผมจึงเกิดแรงบันดาลใจที่เสนอว่า

"เรา" ในที่นี้คือ ครูและผู้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กๆ จะต้องค่อยๆ ถอยออกมา...เพื่อที่ "เขา" (ก็คือนักเรียน) จะไปถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเรา นั่นก็คือ "เรียนรู้ด้วยตนเองได้" หรือนี่ก็คือ "พึ่งตนเองได้" ซึ่งจะถือได้ว่า "เป็นคนพอเพียง"  

ถ้าสมมติครูออกแบบ "วิธีการเรียนรู้" เพื่อเน้น "กระบวนการเรียนรู้" เป็น 4 ขั้นตอน (8ส.) ได้แก่  สืบค้น/สำรวจ สังเคราะห์/สืบสวน สร้างสรรค์/สร้างสื่อ และสื่อสาร/นำเสนอ ดังรูป 

ครูต้องเป็น "ครูฝึกกก" มี ก.ไก่ 3 ตัว (ตามแนวคิดของ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ที่ครั้งหนึ่งท่านบรรยายที่งาน ปิดโครงการ LLEN)
  • "ฝึก" ตัวแรกคือ "ฝึกคิด" คือสามารถนำความรู้ (Fact) ที่ได้เรียนรู้มาคิดบูรณาการให้เกิดความรู้ขึ้นในตนเอง คือ เข้าใจ อธิบายได้ วิธีการคือ ต้องจัดให้มีการอภิปราย ถอดบทเรียน หรือสะท้อนการเรียนรู้กันบ่อยๆ โดยครูเป็นผู้ออกแบบ กำหนดปัญหา สร้างสถานการณ์ หรือสร้างนวัตกรรมเครื่องมือ เพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจในเนื้อหาและทักษะที่สำคัญ
  • "ฝึกก" ตัวต่อมาคือ "ฝึกทำ" เมื่อมีความรู้และทักษะเบื้องต้นแล้ว ครูต้อง "ถอยออกมา" จากการเป็นผู้ออกแบบและกำหนดปัญหาหรือหัวเรื่องต่างๆ มาเป็น "ผู้ร่วม" ร่วมระดมความคิด เป็นคนอำนวยให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม (ควรฝึกการทำงานเป็นทีม) ได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการ 8ส. เป็นครูอำนวย หรือเป็น ครูฟา (Facilitator) ... นักเรียนจะต้องลงมือปฏิบัติเอง ทำ BAR, AAR, สะท้อนการเรียนรู้ของตนเอง ....ครูเน้นการแนะนำบ้าง แต่ต้องปล่อยให้เรียนรู้จากการทำงาน (Learning by doing) อาจเป็นโครงการต่างๆ เช่น การจัดค่าย การจัดทำงาน พิธีกรรม พิธีการต่างๆ ฯลฯ
  • "ฝึกกก" ก.ตัวสุดท้าย หมายถึง "ฝึกให้เรียนรู้ด้วยตนเอง" ครูต้อง "ถอยออกมาทั้งหมด" โดยไม่เข้าไปมีส่วนร่วมๆ ใด กับกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ "ปล่อย" ให้เขาได้ สงสัยเอง สืบค้นเอง สำรวจเอง ทดลองทำเอง ลงมือทำเอง สังเคราะห์เอง แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ด้วยตนเอง สร้างสื่อ เลือกสื่อ สื่อสารนำเสนอด้วยแบบวิธีของเขาเอง ครูเป็นเพียงผู้ประเมินและสะท้อนกลับ (feedback) เพื่อให้ "เขา" ได้ "เรียนรู้วิธีการเรียนรู้ของตนเอง"


สรุปให้สั้นคือ "ต้องมีวันที่ครูฝึกกก จะถอย.. เหลือเพียง "ฝ" เฝ้าคอยชื่นชม" .....